การจัดประสบการณ์ภาษาสำหรับเด็ก
ครั้งที่ 2
วันที่ 26 เดือน สิงหาคม พ.ศ.2558เรียนเวลา 8.30-12.30
ภาษา หมายถึง การสื่อความหมาย
เป็นเครื่องมือในการแสดงความคิดและความรู้สึก
ความสำคัญของภาษา
1. ภาษาเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร
2. ภาษาเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้
3. ภาษาเป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างความเข้าใจอันดีต่อกัน
4. ภาษาเป็นเครื่องมือช่วยจรรโลงจิตใจ
ทักษะทางภาษา ประกอบด้วย
2. การพูด
3. การอ่าน
4. การเขียน
องค์ประกอบของภาษา
1. Phonology
•คือระบบเสียงของภาษา
•เสียงที่มนุษย์เปล่งออกมาเพื่อสื่อความหมาย
•หน่วยเสียงจะประกอบขึ้นเป็นคำในภาษา
2. Semantic
คือความหมายของภาษาและคำศัพท์
คำศัพท์บางคำสามารถมีได้หลายความหมาย
ความหมายเหมือนกันแต่ใช้คำศัพท์ต่างกัน
3. Syntax
• คือระบบไวยากรณ์
• การเรียงรูปประโยค
4. Pragmatic
•คือระบบการนำไปใช้
•ใช้ภาษาให้ถูกต้องตามสถานการณ์และกาลเทศะ
พัฒนาการทางภาษาของเด็กปฐมวัย
1.ระยะเปะปะ (Prelinguistic Stage)
•อายุแรกเกิด ถึง 6 เดือน
•เด็กจะเปล่งเสียงดัง ๆ ที่ยังไม่มีความหมาย เพื่อบอกความต้องการ
•ออกเสียง อ้อ – แอ้
•เป็นช่วงที่ดีในการสนับสนุนให้เด็กมีพัฒนาการทางการพูด
•เด็กที่มีสุขภาพดีทั้งกายและใจจะมีพัฒนาทางภาษาที่ดี
2.ระยะแยกแยะ (Jergon Stage)
•อายุ 6 เดือน ถึง 1 ปี
•สามารถแยกแยะเสียงต่าง ๆ ที่ได้ยิน
•พอใจที่ได้ส่งเสียง
•ถ้าเสียงใดที่เด็กเปล่งออกมาได้รับการตอบสนองในทางบวก เด็กก็จะเปล่งเสียงนั้นซ้ำอีก
•บางครั้งเด็กจะเลียนเสียงสูง ๆ ต่ำ ๆ ตามเสียงคนที่พูดคุยด้วย
3.ระยะเลียนแบบ (Imitation Stage)
•อายุ 1 – 2 ปี
•เลียนเสียงต่าง ๆ ที่เด็กได้ยิน
•เสียงที่เปล่งออกมาอย่างไม่มีความหมายจะค่อย ๆ หายไป
•พูดย้ำคำซ้ำๆไปมา
•ใช้คำศัพท์ได้ 5-20 คำ
•ทำตามคำสั่งง่ายๆได้
4. ระยะขยาย (The Stage of Expansion)
•อายุ 2 – 4 ปี
อายุ 2 ปี
•เรียกชื่อสิ่งของที่อยู่รอบๆตัว
•พูดเป็นคำ
•รู้จักคำศัพท์ 150-300 คำ
•เข้าใจสิ่งที่พูด 2 / 3
•ใช้คำบอกตำแหน่ง
•ใช้คำสรรพนามแทนตัวเอง
อายุ 3 ปี
•พูดเป็นประโยคได้
•รู้จักคำศัพท์ 900-1,000 คำ เข้าใจสิ่งที่พูด 90%
•ขอความช่วยเหลือเมื่อมีปัญหา
•สนทนาโต้ตอบ / เล่าเรื่องด้วยประโยคสั้น ๆ ได้
•สามารถตั้งคำถามโดยใช้เหตุผล
•สนใจนิทานและเรื่องราวต่าง ๆ
•ร้องเพลง ท่องคำกลอน คำคล้องจองง่าย ๆ
•แสดงท่าทางเลียนแบบได้
•รู้จักใช้คำถาม “อะไร”
•สร้างผลงานตามความคิดของตนเองอย่างง่าย ๆ
•เข้าใจคำถามง่ายๆ
•บอกเพศ ชื่อ อายุตัวเองได้
อายุ 4 ปี
•บอกชื่อสิ่งของในรูป
•ใช้คำบุพบทได้
•รู้จักสีอย่างน้อย 1 สี
•ชอบเล่าเรื่อง
•ชอบพูดซ้ำๆ
•บอกชื่อและนามสกุลของตนเองได้
•พยายามแก้ปัญหาด้วยตนเองหลังจากได้รับคำชี้แนะ
•สนทนาโต้ตอบ/เล่าเรื่องเป็นประโยคอย่างต่อเนื่อง
•สร้างผลงานตามความคิดของตนเอง โดยมีรายละเอียดเพิ่มขึ้น
•รู้จักใช้คำถาม “ทำไม”
•ใช้คำบรรยายลักษณะได้ดีขึ้น
•เริ่มเล่นสนุกกับคำและรู้จักคิดคำและประโยคของตนเอง
•ทำตามคำสั่ง 3 อย่างต่อกันได้
•รู้จักเวลาคร่าวๆ
•สนทนาโต้ตอบบอกเล่าเป็นเรื่องราวได้
•รู้จักใช้คำถาม “ทำไม” “อย่างไร”
•เริ่มพัฒนาไปสู่ภาษาที่เป็นแบบแผนมากขึ้น
•สร้างผลงานตามความคิดของตนเอง โดยมีรายละเอียดเพิ่มขึ้นและแปลกใหม่
•ใช้ภาษาเหล่านั้นกับสิ่งต่าง ๆ รอบ ๆ ตัว
•เข้าใจคำพูดที่ใช้ในสังคม
•ภาษาพูดเป็นนามธรรมมากขึ้น
•สนุกกับการแสดงความคิดเห็นโดยการพูดและการเขียน
5.ระยะโครงสร้าง (Structure Stage)
•อายุ 4 – 5 ปี•ใช้คำบรรยายลักษณะได้ดีขึ้น
•เริ่มเล่นสนุกกับคำและรู้จักคิดคำและประโยคของตนเอง
•ทำตามคำสั่ง 3 อย่างต่อกันได้
•รู้จักเวลาคร่าวๆ
6.ระยะตอบสนอง (Responding Stage)
•อายุ 5 – 6 ปี•สนทนาโต้ตอบบอกเล่าเป็นเรื่องราวได้
•รู้จักใช้คำถาม “ทำไม” “อย่างไร”
•เริ่มพัฒนาไปสู่ภาษาที่เป็นแบบแผนมากขึ้น
•สร้างผลงานตามความคิดของตนเอง โดยมีรายละเอียดเพิ่มขึ้นและแปลกใหม่
•ใช้ภาษาเหล่านั้นกับสิ่งต่าง ๆ รอบ ๆ ตัว
7.ระยะสร้างสรรค์ (Creative Stage)
•อายุ 6 ปีขึ้นไป•เข้าใจคำพูดที่ใช้ในสังคม
•ภาษาพูดเป็นนามธรรมมากขึ้น
•สนุกกับการแสดงความคิดเห็นโดยการพูดและการเขียน
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการทางภาษา
1.วุฒิภาวะ
•อายุ 3 ขวบ จะสามารถใช้คำพูด 376 คำต่อวัน
•อายุ 4 ขวบ จะพูดได้ 397 คำต่อวัน
2.สิ่งแวดล้อม
•บ้าน พ่อแม่ ผู้ปกครอง
•ครู โรงเรียน
3.การเข้าใจความหมายภาษาที่ใช้พูด
4.การจัดชั้นเรียน
5.การมีส่วนร่วม
(Participation)
พัฒนาการภาษาของเด็กปฐมวัย
เด็กจะค่อยๆสร้างความรู้และเข้าใจ
เป็นลำดับขั้น
ครูหรือผู้สอนต้องมีความเข้าใจและยอมรับ
หากพบว่าเด็กใช้คำศัพท์หรือไวยากรณ์ไม่ถูกต้อง
ควรมองว่านั่นเป็นกระบวนการเรียนรู้ภาษาของเด็ก